ตามประวัติ อ.เทพย์ ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์จาก 2 สายตระกูล ได้แก่:

• หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) — ศิษย์เอกของ พระเทวโลก โหรหลวงในรัชกาลที่ 6
• พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) — โหรผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น

ทั้งสองท่านและ อ.เทพย์ ได้เขียนตำราโหราศาสตร์ที่ยังใช้เป็นแนวทางการศึกษาจนถึงปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติมที่ ประวัติ อ.วรุตม์

คำทำนายสามารถนำไปใช้วางแผนชีวิตได้อย่างแม่นยำ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น:

• รอช่วงเวลาที่ดวงดี
• หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าช่วงดวงตก
• เปลี่ยนเรื่องหนักให้เบา หรือไม่เกิดขึ้นเลย

ดูตัวอย่างใน รีวิวดูดวง

2. ดูดวงเจาะลึกทางโทรศัพท์
ถามคำถามที่สงสัย เช่น:

• ดูดวงความรัก / สมพงศ์เนื้อคู่
• ดูดวงเหตุการณ์วันนี้ / อาชีพที่ถูกโฉลก / อาชีพที่ทำให้รวย
• ดูดวงเด็กเล็ก / ตั้งชื่อ / ทะเบียนรถ / เบอร์โทร / เลขบ้าน
• ดูฤกษ์ทำการมงคล / ดูดวงผ่าตัด / ของหาย / และอื่น ๆ

โหราศาสตร์คือ ศาสตร์แห่งการทำนายการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยอาศัยการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ และเทห์ฟากฟ้า
มีปรัชญาว่า "การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงบนโลก"
ตัวอย่างเช่น:

• โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ → เกิดฤดูกาล
• พระจันทร์โคจรรอบโลก → เกิดน้ำขึ้นน้ำลง

นักโหราศาสตร์จึงเก็บสถิติการโคจรของดาวเคราะห์ แล้วนำมาตีความเป็นคำทำนาย

โหราศาสตร์มี 2 ระบบใหญ่ คือ:

• นิรายะนะ (ไทย) — ใช้ดาวฤกษ์เป็นจุดแบ่งราศี
• สายะนะ (ฝรั่ง) — ใช้แกนโลกที่เอียงเป็นจุดแบ่งราศี

จุดเริ่มต้นของราศีเมษต่างกันประมาณ 24 องศา และจะเพิ่มขึ้นปีละ 50 ฟิลิบดา

ตัวอย่าง:

• ระบบไทย: พระอาทิตย์ยกเข้าราศีเมษวันที่ 15 เมษายน
• ระบบฝรั่ง: พระอาทิตย์ยกเข้าราศีเมษวันที่ 21 มีนาคม

ทั้งสองระบบนับจากวันที่พระอาทิตย์เริ่มโคจรเข้าสู่ราศีต่าง ๆ

สำหรับผม การใช้โหราศาสตร์หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุหรือความตายได้เพียงครั้งเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้เรียนมา
แต่ในความเป็นจริง ผมได้ใช้วิชานี้ช่วยทั้งตัวเองและผู้อื่นให้มีชีวิตที่ดีขึ้นมาก เช่น:

• นัดพบคู่รักในช่วงเวลาที่เหมาะสม
• นัดหมายกับคนที่คุยยากให้คุยง่ายขึ้น
• เลือกฤกษ์ดีในการดำเนินงานให้สำเร็จ

โหราศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่บอก “เวลา” และ “วิธี” ที่นำไปสู่ความสำเร็จ เช่น:

• เลือกคู่ชีวิตที่ดวงเข้ากัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
• เลือกอาชีพที่ตรงกับดวง ทำงานแล้วก้าวหน้า
• เลือกหุ้นส่วนหรือทีมงานที่ช่วยให้งานสำเร็จ
• วางแผนการเงิน ทรัพย์สิน และสุขภาพตามดวง

โหราศาสตร์สามารถบอกเวลาและการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น:

• ช่วงเวลาของความสุขหรือความทุกข์
• คนที่เข้ามาในชีวิตช่วงนี้ดีหรือไม่
• บุคคลแบบไหนที่ควรระวัง
• ช่วงเวลาที่ควรเริ่มต้นสิ่งใหม่ หรือควรหลีกเลี่ยง

การรู้ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีสติและความมั่นใจ

ความแม่นยำของผมทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นการสะกดจิต
วิธีพิสูจน์ว่าโหราศาสตร์ไม่ใช่การสะกดจิต คือการดูดวงย้อนหลังในเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต เช่น:

• วันเลื่อนตำแหน่ง
• วันที่มีความรักสดชื่น
• วันที่พลัดพราก เจ็บป่วย หรือเกิดคดีความ
• วันที่เกิดอุบัติเหตุ

หากสามารถจำวันที่ได้ชัดเจน สามารถทดลองดูดวงย้อนหลังฟรีได้ที่เมนู ดูดวง
แนะนำให้ทดลองอย่างน้อย 5–10 เหตุการณ์ เพื่อเข้าใจและเกิดความมั่นใจ เพราะโหราศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งสถิติ ต้องพิสูจน์หลายครั้ง

การพิสูจน์เหตุการณ์ในอนาคต ทำได้โดย:

• ดูดวงล่วงหน้าแบบ 15 เดือน แล้วเก็บไว้
• เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ ค่อยเปิดอ่านย้อนหลัง
• หรือเข้ามาดูดวงฟรีหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น

ทั้งสองวิธีสามารถใช้พิสูจน์ความแม่นยำได้อย่างเป็นรูปธรรม

แนะนำให้:

• เก็บสูติบัตรไว้ให้ดี หรือถ่ายรูปเก็บไว้
• หากสูติบัตรหาย สามารถขอคัดสำเนาได้ที่สำนักงานเขต

ผมพบว่าผู้ใหญ่กว่า 80% จำเวลาเกิดลูกคลาดเคลื่อน เช่น:

• จำสลับกันระหว่างลูกหลายคน
• จำกลางวันเป็นกลางคืน หรือเช้าเป็นบ่าย
• จำผิดเป็นชั่วโมง แม้เคยเห็นสูติบัตรแล้วก็ตาม

ดังนั้น เวลาเกิดที่แม่นยำจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูดวงให้แม่นยำ

บางคนสงสัยว่าตนเองมีลัคนาราศีอะไรแน่
เพราะเมื่อผูกดวงด้วยโหราศาสตร์ไทยแล้วพบว่าลัคนาอยู่ระหว่าง 2 ราศี
สาเหตุเกิดจากการใช้ระบบคำนวณที่แตกต่างกัน ได้แก่:

• ระบบสุริยยาตร์ (แบบอันโตนาที)
• ระบบลาหิรี (แบบเวลานักษัตร)

ทั้งสองระบบมีวิธีคำนวณองศาลัคนาที่ต่างกัน จึงอาจให้ผลลัพธ์ไม่ตรงกัน

จุดเริ่มต้นของระบบนี้สมมติว่าพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.00 น. ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น:

• อุบลราชธานีเห็นพระอาทิตย์ก่อนเชียงใหม่ประมาณ 20 นาที
• ฤดูหนาวมีเวลากลางวันและกลางคืนไม่เท่ากัน

แม้จะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยคำนวณ แต่ตรรกะของโปรแกรมยังไม่ตรงกับท้องฟ้าจริง
ดังนั้นการใช้ระบบอันโตนาทีต้องระมัดระวัง เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อนสูง

การคำนวณตำแหน่งดาวเคราะห์ด้วยคัมภีร์สุริยยาตร์
มีความแตกต่างจากระบบดาราศาสตร์ เนื่องจาก:

• คัมภีร์สุริยยาตร์ใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
• สูตรคำนวณโคจรของดาวเคราะห์เป็น “วงกลม” ในขณะที่ความจริงเป็น “วงรี”
• มีการสะสมค่าความคลาดเคลื่อนทีละเล็กทีละน้อยตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะตำแหน่งของดาวพุธ
• วันที่ดาวเคราะห์ย้ายราศีในระบบสุริยยาตร์ไม่ตรงกับระบบดาราศาสตร์

วิธีพิสูจน์ความแตกต่าง ได้แก่:

• ดูปฏิทินดาราศาสตร์สากล แล้วลบค่า “อายนางศ์” (ประมาณ 24 องศา)
• ส่องกล้องดูดาวจริง
• ใช้ท้องฟ้าจำลองเพื่อเปรียบเทียบตำแหน่งดาว

วิธีเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจความคลาดเคลื่อนระหว่างสองระบบได้ชัดเจน

ความแม่นยำของโหราศาสตร์เริ่มต้นจากการคำนวณดวงชะตาที่ถูกต้อง
แต่การทำนายที่แม่นยำจริง ต้องอาศัยองค์ประกอบเพิ่มเติม เช่น:

• การถ่ายทอดจากอาจารย์อย่างจริงใจ
• การทดลองและสังเกตการณ์จริง
• การเก็บสถิติและประสบการณ์ส่วนตัว
• การอ่านตำราหลายสาย เช่น ไทย ฝรั่ง แขก แล้วนำมาทดลองและทำความเข้าใจ

เพราะแม้แต่ตำราเองก็อาจมีความคลาดเคลื่อนจากผู้เขียนได้เช่นกัน